หลังจากที่เราเคยไปทานมาแล้วรอบนึง แล้วเกิดติดใจอยากจะไปซ้ำ เพราะติดใจในรสชาติของน้ำซุป และเนื้อวัวติดมัน ที่เมื่อจุ่มลงไปในน้ำซุปแล้ว เนื้อนุ่ม มันแทรกกำลังดี แต่วันนั้นหิวมากเลยไม่ทันได้ถ่ายมารีวิว วันนี้ก็เลยไปซ้ำอีกรอบ โดยไปรอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดเลยค่ะ ^__^
หลังจากที่ร้านเปิดแล้ว ทางร้านก็เชิญเราเข้ามานั่งพร้อมกับชุดจานชาม น้ำจิ้ม ไว้ให้ค่ะ และถามว่าต้องการหม้อรวมหรือหม้อแยก สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อถ้ามาด้วยกันก็สั่งแบบหม้อแยกได้ค่ะ ตอนแรกเราก็สั่งหม้อแยก เพราะตอนที่มาทานครั้งก่อนมี น้ำซุปต้มยำ ให้เลือกด้วย แต่ตอนเอาหม้อมาวาง กลายเป็นน้ำซุปแบบเดียวกัน เลยถามพนักงาน พนักงานแจ้งว่า น้ำซุปต้มยำไม่มีแล้วค่ะ รู้สึกเสียใจเล็กๆ
ระหว่างที่รอน้ำซุปเดือด ก็ใส่จำนวนอาหารที่ต้องการลงใน ใบรายการสั่งอาหาร ที่มีไว้ให้ทุกโต๊ะ ซึ่งในการสั่งครั้งแรกจะมีใบเมนูให้ดูว่า อาหารแต่ละอย่างหน้าตาเป็นแบบไหนค่ะ แล้วก็อย่าลืมเขียนเบอร์โต๊ะ ลงไปในใบด้วยนะคะ พอได้จำนวนที่ต้องการก็ส่งให้กับพนักงาน จากนั้นก็รอค่ะ
ระหว่างรอมารีวิวน้ำจิ้มกัน น้ำจิ้มมีสองแบบ แบบแรกจะคล้าย น้ำจิ้มสุกี้ ก็ไม่เชิง เราเองก็บอกรสชาติไม่ถูก แต่หน้าตานั้นคล้าย น้ำจิ้มสุกี้ แต่พอทานกับเนื้อสัตว์ที่เอาลงไปต้มแล้ว ก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ
น้ำจิ้มอีกแบบ จะเป็น น้ำจิ้มโชยุที่ใส่หัวไชเท้าหั่นฝอยค่ะ มีกลิ่นหอมๆของไชเท้า รสชาติเค็มนิดหวานหน่อย ทานกับเมนูเนื้อวัว อร่อยดีค่ะ
อาหารมาเสิร์ฟแล้ว… มารีวิวกันเลยดีกว่า จานแรก เป็นของทอดสามอย่างค่ะ มีเกี๊ยวทอด, ปลาทอด, ลูกชิ้นกุ้งระเบิด กับน้ำจิ้มบ๊วย กรอบอร่อยใช้ได้เลยล่ะค่ะ
จานถัดมาเป็น ผัก ที่จริงเค้าจะมีไว้ให้ทุกโต๊ะ แต่คืนเค้าไปเพราะไม่ทานบางอย่างที่เค้ามีให้ในตอนแรกค่ะ แล้วก็ลืมถ่ายรูปไว้ก่อน แฮะๆ เลยสั่งแค่เท่าที่กินมา ก็จะมี ผักกาดขาว, เห็ดเข็มทอง, เห็ดหอม ผีกสดดีค่ะ ผักกาดขาวก็หั่นมาให้ด้วย
จานนี้ไม่ต้องบอกก็ดูออกว่าเป็น ปูอัด ซึ่งเราไม่ได้ทานค่ะ พี่ที่ไปด้วยทานคนเดียวแบบไม่ต้มจนเกลี้ยงเลย 🙂
จานถัดมาเป็นหมึกบั้ง กับกุ้ง ที่แกะเปลือกมาให้เรียบร้อย ปกติเป็นคนชอบทานกุ้งค่ะ หลังจากหมดลอตแรกที่สั่งไป ก็มีสั่งเพิ่มมาอีก 2 เท่าตัวได้ ฮ่าๆ
ถัดมาเป็น เต้าหู้ไข่ กับ ลูกชิ้นกุ้ง ค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นที่ยี่ห้อเต้าหู้ไข่ หรือเป็นที่น้ำซุป ปกติต้มแปปเดียวเต้าหู้ไข่ก็แตกกระจาย แต่อันนี้เราต้มแช่ไว้นานเหมือนกันก็ยังสามารถใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาได้ ตักใส่ชามพร้อมกับน้ำซุป ซดอร่อยเพลินเลยทีเดียว
จานถัดมาเป็น เนื้อไก่ ที่แล่ได้บาง และนุ่มกำลังทานค่ะ เอาลงไปวนๆ ในน้ำซุปเดือดๆ แปปเดียว ก็อิ่มอร่อย กับเนื้อไก่ได้เลยค่ะ
จานนี้เป็นเนื้อหมูสันที่ไม่มีมันเลย แล่บาง ต้มในน้ำซุป หรือ แกว่งไปมา ก็อร่อยเหมือนกันค่ะ เนื้อหมูนุ่ม ไม่แข็งดีค่ะ
จานนี้ถือเป็นจานเด็ดที่เราแนะนำค่ะ เป็นเบคอน ที่เอาไปต้มแล้วจิ้มกับน้ำจิ้มแล้วฟินมาก
ถัดมาเป็นเนื้อสัน ซึ่งแล่บางเหมือนกับเมนูก่อนๆ และเนื้อก็ไม่เหนียว ไม่แข็งค่ะ เพราะเราทานแบบเอาไปต้มไว้นานๆ แล้วตักทานทีเดียว
จานนี้ถือเป็นจานเด็ด แนะนำเลยทีเดียว และเป็นเหตุผลที่ทำให้เรากลับมาทานที่ร้านนี้ซ้ำ เป็นเนื้อวัวติดมันค่ะ ลายสวยเลยใช่มั๊ยล่ะ ^__^ จะต้มหรือจะแกว่งในน้ำซุป ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ ฟินอย่างมากสำหรับคนชอบทานเนื้อ หลังจากถาดนี้หมดไปก็สั่งมาเพิ่มอีก 6 ถาด เลยทีเดียว เรียกได้ว่า อิ่มจนพุงกลางค่ะ
สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ ไข่ไก่ แต่ไข่ไก่ไม่ได้รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์นะคะ สั่งเพิ่มฟองละ 10 บาท (ในใบเมนูเขียนไว้ว่าคิดเพิ่ม เมื่อสั่งเกินจากจำนวนคนที่ไปทาน) ปกติคนกินชาบู เค้าก็จะเอาเนื้อที่ลวกมาชุบไข่ทาน แต่สำหรับเราตีแล้วเทค่ะ ฮ่าๆ
น้ำเดือดแล้ว จัดการน้ำผักและเนื้อสัตว์ใส่ลงไป หม้อฝั่งเราเน้นใส่ทุกสิ่งแล้วตักขึ้นมาทาน ส่วนฝั่งที่เห็นในภาพฝั่งพี่ที่ไปทานด้วยกัน ใช้วิธีลวกผ่านน้ำค่ะ เห็นมั๊ย เนื้อลายสวยมาก 😀
สุกแล้วค่ะ พร้อมทาน เลือกจิ้มกับน้ำจิ้มตามที่ชอบได้เล้ย น้ำซุป ต้มไปเรื่อยๆ ตักใส่ชามเข้มข้นอร่อยดีค่ะ ถ้าได้ลองมาทานก็อย่าลืมลองซดน้ำซุปด้วยนะ ครั้งนี้ไปทานกันสองคน รวมเบ็ดเสร็จแล้ว ตกคนละ 285 บาท เองค่ะ สำหรับชาบูมื้อนี้ ที่สำคัญ อร่อยโดนใจ ฟินกับเนื้อติดมันด้วยค่ะ
โดยรวมแล้วถือว่าคุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ในราคาไม่เกิน 300 บาท (ถ้าไม่สั่งนอกเหนือเมนูบุฟเฟ่ต์) แถมยังเดินทางสะดวก ลง BTS สถานีราชเทวี ร้านอยู่ในโครงการ Coco Walk ตรงบีทีเอสเลยค่ะ แต่การไปครั้งนี้ก็เสียใจนิดๆ ที่เหลือน้ำซุปเพียงแค่แบบเดียว แต่ก็ฟินกับเนื้อติดมันที่คุณภาพไม่ลดลงจากที่ได้ไปทานครั้งแรกค่ะ
จากที่ได้ไปทานสองครั้ง แนะนำให้โทรไปสำรองที่นั่งก็ดีนะคะ เผื่อรอคิวยาว เพราะจากที่ไปทานตั้งแต่ร้านเปิดก็มีคนเข้ามาทานเรื่อยๆ ค่ะ
เฟซบุ๊คของทางร้าน : Shuba Shabu