ได้ยินชื่อเสียงร้าน Mo Mo Paradise มาก็นาน ถึงความฟินของเนื้อสัตว์ที่แกว่งลงไปในน้ำซุปสูตรเด้ดของร้าน แล้วฟินจนต้องร้องขอไปกินอีก ส่วนตัวเราก็มีได้ตามเพจ Mo Mo Paradise อยู่แล้วและได้เห็น โพสต์ เรื่องการปรับเปลี่ยนราคาบุฟเฟ่ต์ ที่ถูกลงจากเดิม จึงไม่รอช้าชวนเพื่อนไปลองกินค่ะ 😀
สาขาที่เราไปกินในวันนี้ คือ Mo Mo Paradise สาขา เซ็นทรัลบางนา ไปถึงก็ประมาณ 11 โมงครึ่ง ก็เดินเข้าร้านได้เลย ไม่ต้องรอคิว จะมีพนักงานพาเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะค่ะ พอเรานั่งปุ๊ป พนักงานก็จะอธิบายเมนูให้ฟัง ซึ่งหม้อชาบู จะแบ่งเป็น 2 ช่อง เราจะสามารถเลือกน้ำซุป ได้ 2 แบบ ซึ่งการเลือกน้ำซุป ก็จะมีผลกับน้ำจิ้มค่ะ จะจัดเป็นเซ็ตไว้
SET 1 : น้ำซุป Shabu Shabu (ชาบู ชาบู) จะเป็นซุปใส พร้อมน้ำจิ้ม ซอสปอนซู
SET 2 : น้ำซุป Karamiso (คารามิโสะ) จะเป็นน้ำซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น พร้อมน้ำจิ้ม ซอสงา
SET 3 : น้ำซุป Sukiyaki (สุกี้ยากี้) จะเป็นน้ำซุปน้ำดำ พร้อมน้ำจิ้มเป็นไข่ไก่สด
SET 4 : น้ำซุป Tonkotsu (ทงคตสึ) จะเป็นน้ำซุปกระดูกหมู พร้อมน้ำจิ้ม ซอสทงคตสึ
ซึ่ีงน้ำซุปที่เราสั่งไปก็คือ น้ำซุป Sukiyaki และน้ำซุป Tonkotsu ค่ะ พอเลือกน้ำซุปได้ พนักงานก็จะถามว่าเนื้อสัตว์จะรับอะไรบ้าง อย่างละเท่าไหร่ จะเอาเมนูเส้น หรือข้าวด้วยมั้ย ส่วนผัก และเครื่องดื่ม จะมีที่ให้เราไปกดและหยิบใส่จานมาได้เลย
ระหว่างนั่งรอหม้อชาบู ก็อ่านวิธีที่ทาง Mo Mo Paradise แนะนำ ไปพลางๆ ก่อนค่ะ ^_^
หม้อชาบูมาแล้วค่ะ สีขาวๆ จะเป็น น้ำซุปทงคตสึ ซึ่งรสชาติจะออกเค็มๆ กลมกล่อมดีค่ะ ส่วนสีดำๆ จะเป็นน้ำซุปสุกี้ยากี้ ซึ่งรสชาติจะออกหวานๆ นำเค็มหน่อยๆ ซึงขอแนะนำให้สั่งน้ำซุปสุกี้ยากี้ค่ะ เพราะสำหรับคนที่ไม่กินไข่ดิบ เอาเนื้อสัตว์ลงไปแกว่งหรือเอาผักลงไปต้ม ซุปจะซึมเข้าเนื้อ อร่อยแบบไม่ต้องจิ้มเลยล่ะค่ะ
ที่นี้มาดูน้ำจิ้มกันบ้าง อันนี้คือน้ำจิ้มที่มาพร้อมกับน้ำซุปทงคตสึ ค่ะ ซึ่งรสชาติ เราบอกไม่ถูกเหมือนกัน บอกได้แค่ว่ามันแปลกๆ ฮา.. 😀
ส่วนอันนี้เป็นไข่ไก่สด ซึ่งขอบอกเลยว่า สดมากจริงๆ ตอกออกมาไข่แดงเด้งมาก เป็นน้ำจิ้มของน้ำซุปสุกี้ยากี้ค่ะ ซึ่งเราเป็นคนไม่ทานไข่ดิบเราเลยเอาเนื้อมาจุ่มก่อนไปแกว่งในหม้อแทน 🙂
ส่วนอันนี้เป็นน้ำจิ้มปอนซู ซึ่งเสียตังค์เพิ่มค่ะ ถ้าเราจะสั่งน้ำจิ้มที่ไม่ได้อยู่ในเซ็ต คิดเป็นถ้วย อันนี้เราสั่งมาเพราะเรากินน้ำจิ้มทงคตสึแล้วรู้สึกแปลกๆ เลยสั่งอันนี้มาจิ้มแทน รสชาติกะออกเปรี้ยวหน่อยๆ ค่ะ
อันนี้เป็นผักที่ไปตักมา จริงๆมีอีกหลายอย่างนะคะ แต่ทานแค่นี้เลยตักแค่ที่ทานมาค่ะ
ทีนี้มาดูของที่สั่งไปกันบ้าง อย่างแรกเป็น โมจิ เอาไปต้มสักพักแล้วพอเริ่มนุ่มก็คีบขึ้นมาทาน นุ่ม อร่อยค่ะ แต่ระวังเรื่องร้อนด้วยนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ^___^
มาถึงคิวเนื้อสัตว์กันบ้าง จะขอไล่ไปตามระดับที่เรารู้สึกฟินนะคะ อันนี้เป็นเนื้อเป็ด ทานแล้วรู้สึกประทับใจค่ะ เนื้อเป็ด นุ่ม ไม่เหนียวเลยค่ะ
ถาดนี้เป็นเนื้อหมู น่าจะเป็น คุโรบูตะ สันคอ ค่ะ เอาไปแกว่งในน้ำซุปแล้วเอาขึ้นมากิน มันก็จะฟินหน่อยๆ
ถัดมา อันนี้น่าจะเป็นคุโรบูตะ ส่วนท้อง เพราะเห็นมันเยอะกว่า สำหรับคนชอบหมูฉ่ำๆ แนะนำเลยค่ะ
ถาดนี้เป็นเนื้อวัวค่ะ ซึ่งจะมีมันแทรกน้อยมาก เหมาะสำหรับคนไม่ชอบมัน จะฟินมากเลยค่ะ เนื้อนุ่ม ไม่แข็งหรือเหนียว เพราะเราพิสูจน์แล้ว โดยการ แช่ทิ้งไว้ในหม้อชาบูจนสุกแล้วสุกอีก เพราะเราเป็นคนกินแบบสุกมากๆ ค่ะ
ถาดนี้ก็เป็นเนื้อวัวอีกเช่นกันค่ะ แต่มันจะเยอะหน่อย เราชอบมาก ความรู้สึกก็จะเหมือน เนื้อละลายในปาก ยิ่งกินกับน้ำซุปสุกี้ยากี้ เอาลงไปจุ่มน้ำ ขึ้นมาไม่ต้องจิ้มก็ยังอร่อยเลยค่ะ
อันนี้กินกับน้ำจิ้มทงคตสึ รสชาติก็จะแปลกๆ หน่อย อาจเป็นเพราะเราไม่ชินและไม่เคยกินกับน้ำจิ้มอันนี้ 😀
อิ่มแล้วก็มาต่อกันที่ของหวานกันดีกว่าค่ะ ซึ่งราคารวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์แล้ว ถ้วยแรกเป็น ไอศครีมนมข้าว เสิร์ฟมาในถ้วยรูปโอ่ง รสชาติกลมกล่อม มีรสสัมผัสของข้าวอยู่ด้วย
ถัดมาเป็น เชอเบทมะม่วง เสิร์ฟมาในถ้วยโอ่งเช่นเดียวกัน รสชาติคล้ายกับเวลาเรากินมะม่วงค่ะ ส่วนอีกอันเป็น ขนมไดฟุกุสตอเบอรี นุ่ม หอม กลิ่นสตอเบอรี่อ่อนๆ แต่พอดีอิ่มแล้ว เลยทานของหวานได้แค่นิดเดียวค่ะ 🙂
โดยรวมแล้ว เราถือว่า ร้าน Mo-Mo-Paradise ราคาไม่แพงอย่างที่คิด เนื่องด้วยคุณภาพของวัตถุดิบ และการบริการของพนักงาน สำหรับเราถือว่าสมเหตุสมผลดีมาก เนื้อสัตว์คุณภาพดี กินแล้วฟินมาก ของหวานก็มีให้เลือกหลายเมนู พนักงานก็บริการดีคอยถามตลอดว่าจะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่า แถมยังมีบริการมาตักฟองในหม้อให้ด้วยนะคะ บริการดีสุดๆ ที่พูดได้เพราะเราได้สัมผัสการบริการของพนักงานมาจริงๆ ซึ่งแบบต่างกับร้านที่ราคาถูกกว่านี้หน่อย แต่แบบ ไม่เคยเห็นพนักงานดีเท่าที่ Mo Mo Paradise สาขาเซ็นทรัลบางนา มาก่อนเลย อย่าลืมไปทานกันนะคะ แล้วจะรู้สึกว่าเป็นอย่างที่เราบอกจริงๆ ^___^
Facebook : Mo-Mo-Paradise (Thailand)